Mamoss CM (2015) ได้กล่าวเกี่ยวกับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง
ไว้ว่า
ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง(Constructivism)
1. นวัตกรรม
เทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสารทางการศึกษา Educational
Communications and Information Technology Innovation ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง
(Constructivism) นวัตกรรมการศึกษา
7 ประเภท หัวข้อที่ 3 : ทฤษฎีและแนวคิดนำเสนอเรื่อง
2. Constructionism เป็นทฤษฎีทางการศึกษาที่พัฒนาขึ้น โดย Professor Seymour Papert แห่ง M.I.T. (Massachusetts Institute of Technology) ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ ด้วยตนเอง เป็นทฤษฎีการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ ด้วยตนเอง ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism)
2. Constructionism เป็นทฤษฎีทางการศึกษาที่พัฒนาขึ้น โดย Professor Seymour Papert แห่ง M.I.T. (Massachusetts Institute of Technology) ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ ด้วยตนเอง เป็นทฤษฎีการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ ด้วยตนเอง ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism)
3. สาระสาคัญทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง
(Constructivism) ความรู้ไม่ใช่มาจากการสอนของครูหรือผู้สอนเพียงอย่างเดียว
แต่ ความรู้จะเกิดขึ้นและสร้างขึ้นโดยผู้เรียนเอง การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดีก็ต่อเมื่อ
ผู้เรียนได้ลงมือกระทาด้วยตนเอง (Learning
by doing) นอกจากนั้น
มองลึกลงไปถึงการพัฒนาการของผู้เรียนในการเรียนรู้ซึ่งจะมีมากกว่าการได้
ลงมือปฏิบัติสิ่งใดสิ่งหนึ่งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปฏิกิริยาระหว่างความรู้ในตัว
ของผู้เรียนเอง ประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมภายนอก ของตน สรุปคือ
ประสบการณ์ใหม่และความรู้ใหม่+ประสบการณ์เดิมและความรู้เดิม =
องค์ความรู้ใหม่บุคคล
4. ผู้เรียนจะสามารถเก็บข้อมูลจากสิ่งแวดล้อมภายนอกและเก็บเข้าไปเป็น
โครงสร้างของความรู้ภายในสมองของตนเอง ขณะเดียวกันก็สามารถเอาความรู้
ภายในที่ตนเองมีอยู่แล้วแสดงออกมาให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมภายนอกได้ซึ่งจะเกิด
เป็นวงจรต่อไปเรื่อยๆได้คือ ผู้เรียนจะเรียนรู้เองจากประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม
ภายนอก แล้วนาข้อมูลเหล่านี้กลับเข้าไปบันทึกในสมองผสมผสานกับความรู้
ภายในที่มีอยู่แล้วแสดงความรู้ออกมาสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก ดังนั้นในการลงมือ
ปฏิบัติด้วยตนเอง (Learning by doing) จะได้ผลดีถ้าหากว่าผู้เรียน
เข้าใจในตนเอง มองเห็นความสาคัญในสิ่งที่เรียนรู้และสามารถเชื่อมโยงความรู้
ระหว่างความรู้ใหม่กับความรู้เก่า(รู้ว่าตนเองได้เรียนรู้อะไรบ้าง) และสร้างเป็น องค์ความรู้ใหม่ขึ้นมา
ซึ่งทั้งหมดจะอยู่ภายใต้ประสบการณ์และบรรยากาศที่ เอื้ออานวยต่อการเรียนรู้นั่นเอง
ความสาคัญทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism)
5. ซีมัวร์
พาร์เพิร์ท (Seymour Papert) ได้ให้ความเห็นว่า
ทฤษฎี การศึกษาการเรียนรู้ ที่มีพื้นฐานอยู่บนกระบวนการการสร้าง 2 กระบวนการ ด้วยกัน สิ่งแรก คือ
ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยการสร้างความรู้ใหม่ขึ้นด้วยตนเอง ไม่ใช่
รับแต่ข้อมูลที่หลั่งไหลเข้ามาในสมองของผู้เรียนเท่านั้น โดยความรู้จะเกิดขึ้น
จากการแปลความหมายของประสบการณ์ที่ได้รับ สังเกตว่าในขณะที่เรา สนใจ ทาสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่อย่าง
ตั้งใจเราจะไม่ลดละความพยายาม เราจะคิดหาวิธีการ แก้ไขปัญหานั้นจนได้ สิ่งที่สอง
คือ กระบวนการการเรียนรู้จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด หาก
กระบวนการนั้นมีความหมายกับผู้เรียนคนนั้น พื้นฐานการศึกษา
กับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism)
6. จากที่กล่าวมาสามารถสรุปให้เป็น
หลักการ ต่างๆที่มีความสัมพันธ์ ซึ่งกันและกัน ได้ดังนี้ 1.หลักการที่ผู้เรียนได้สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
หลักการเรียนรู้ ตามทฤษฎี Constructionism คือ
การสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยให้ผู้เรียนลงมือประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเองหรือได้
ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมภายนอกที่มีความหมาย ซึ่งจะรวมถึงปฏิกิริยา
ระหว่างความรู้ในตัวของผู้เรียนเอง ประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมภายนอก
การเรียนรู้จะได้ผลดีถ้าหากว่าผู้เรียนเข้าใจในตนเอง มองเห็นความสาคัญใน
สิ่งที่เรียนรู้และสามารถเชื่อมโยงความรู้ระหว่างความรู้ใหม่กับความรู้เก่า(รู้
ว่าตนเองได้เรียนรู้อะไรบ้าง) และสร้างเป็นองค์ความรู้ใหม่ขึ้นมา
7.หลักการที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้
โดยครูควรพยายาม จัดบรรยากาศการเรียนการสอน ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรม
การเรียนด้วยตนเองโดยมีทางเลือกในการเรียนรู้ที่หลากหลาย(Many Choice) และเรียนรู้อย่างมีความสุขสามารถเชื่อมโยงความรู้ระหว่าง
ความรู้ใหม่กับความรู้เก่าได้ส่วนครูเป็นผู้ช่วยเหลือและคอยอานวยความ สะดวก
8. หลักการเรียนรู้จากประสบการณ์และสิ่งแวดล้อม
หลักการนี้เน้น ให้เห็นความสาคัญของการเรียนรู้ร่วมกัน(Social value) ทาให้ผู้เรียน
เห็นว่าคนเป็นแหล่งความรู้อีกแหล่งหนึ่งที่สาคัญ การสอนตามทฤษฎี Constructionism เป็นการจัดประสบการณ์เพื่อเตรียมคนออกไป
เผชิญโลก ถ้าผู้เรียนเห็นว่าคนเป็นแหล่งความรู้สาคัญและสามารถ
แลกเปลี่ยนความรู้กันได้เมื่อเขาจบออกไปก็จะปรับตัวได้ง่ายและทางาน
ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ 4.หลักการที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือ
ในการรู้จักแสวงหา
คาตอบจากแหล่งความรู้ต่างๆด้วยตนเองเป็นผลให้เกิดพฤติกรรมที่ฝังแน่น เมื่อผู้เรียน
“เรียนรู้ว่าจะเรียนรู้ได้อย่างไร
(Learn how to Learn)”
9. 1. เริ่มที่ผู้เรียนต้องอยากจะรู้
อยากจะเรียน อยากจะทาก่อน จึงจะ เป็นตัวเร่งให้เขาขับเคลื่อน
เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของ (ownership)
2. ใช้ความผิดพลาดเป็นบทเรียน เป็นแรงจูงใจภายใน (internal motivation)ให้เกิดการสร้างสรรค์ความรู้
3. การเรียนรู้เป็นทีม (team learning) จะดีกว่าการเรียนรู้คนเดียว
4. เป็นการเรียนรู้วิธีการเรียนรู้ (Learning to learn) ไม่ใช่การสอน แนวคิดสาคัญทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism)
2. ใช้ความผิดพลาดเป็นบทเรียน เป็นแรงจูงใจภายใน (internal motivation)ให้เกิดการสร้างสรรค์ความรู้
3. การเรียนรู้เป็นทีม (team learning) จะดีกว่าการเรียนรู้คนเดียว
4. เป็นการเรียนรู้วิธีการเรียนรู้ (Learning to learn) ไม่ใช่การสอน แนวคิดสาคัญทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism)
10. แบ่งเป็น
4 ขั้นตอน 1. Explore คือ การสารวจตรวจค้น
ในขั้นตอนนี้บุคคลจะเริ่ม สารวจตรวจค้นหรือพยายามทาความเข้าใจกับสิ่งใหม่(assimilation) 2. Experiment คือ
การทดลอง ในขั้นตอนนี้จะเป็นการ ทดลองทาภายหลังจากที่มีการสารวจไปแล้ว
เป็นการปรับความแตกต่าง (accommodation) เมื่อได้พบหรือปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ
ที่สัมพันธ์กับความคิดเดิมที่มีอยู่ในสมอง วิธีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism)
11. 3. Learning by
doing คือ การเรียนรู้จากการกระทา ขั้นนี้
เป็นการลงมือปฏิบัติกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งหรือการได้ปฏิสัมพันธ์กับ
สิ่งแวดล้อมที่มีความหมายต่อตนเอง แล้วสร้างเป็นองค์ความรู้ของตนเอง ขึ้นมา
ซึ่งจะคาบเกี่ยวกับขั้นตอนที่ผ่านมา ขั้นนี้จะเกิดทั้งการดูดซึม (assimilation) และ
การปรับความแตกต่าง (accommodation) ผสมผสานกันไป
เช่นเดียวกัน วิธีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism)
(ต่อ)
12. 4. Doing by learning
คือ
การทาเพื่อที่จะทาให้เกิด การเรียนรู้ ขั้นตอนนี้จะต้องผ่านขั้นตอนทั้ง 3 จนประจักษ์แก่ใจตนเอง
ว่าการลงมือปฏิบัติกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งหรือการได้ปฏิสัมพันธ์กับ
สิ่งแวดล้อมที่มีความหมายนั้น สามารถทาให้เกิดการเรียนรู้ได้และเมื่อ
เข้าใจแล้วก็จะเกิดพฤติกรรมในการเรียนรู้ที่ดี รู้จักคิดแก้ปัญหา รู้จักการ
แสวงหาความรู้ การปรับตนเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆส่งผลให้ คิดเป็น ทาเป็น
แก้ปัญหาเป็น วิธีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism)
(ต่อ)
13. 1. การสอนตามแนว
Constructivism เน้นความสาคัญของ
กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน และความสาคัญของความรู้เดิม 2. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเป็นผู้แสดงความรู้ได้ด้วยตนเอง
และสามารถ สร้างความรู้ด้วยตนเองได้ผู้เรียนจะเป็นผู้ออกไปสังเกตสิ่งที่ตนอยากรู้
มาร่วม กันอภิปราย สรุปผลการค้นพบ แล้วนาไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจากเอกสาร วิชาการ
หรือแหล่งความรู้ที่หาได้เพื่อตรวจความรู้ที่ได้มา และเพิ่มเติมเป็นองค์
ความรู้ที่สมบูรณ์ต่อไป 3. การเรียนรู้ต้องให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติจริง
ค้นหาความรู้ด้วยตนเอง จนค้นพบความรู้และรู้จักสิ่งที่ค้นพบ
เรียนรู้วิเคราะห์ต่อจนรู้จริงว่า ลึก ๆ แล้วสิ่ง นั้นคืออะไร
มีความสาคัญมากน้อยเพียงไร และศึกษาค้นคว้าให้ลึกซึ้งลงไป จนถึงรู้แจ้ง
การพัฒนารูปแบบการสอนเพื่อการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism)
14. 1. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสังเกต
สารวจเพื่อให้เห็นปัญญา 2. มีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน
เช่นแนะนา ถามให้คิด หรือสร้างความรู้ได้ ด้วยตนเอง 3. ช่วยให้ผู้เรียนคิดค้นต่อ ๆ ไป
ให้ทางานเป็นกลุ่ม 4. ประเมินความคิดรวบยอดของผู้เรียน
ตรวจสอบความคิดและทักษะ การคิดต่าง ๆ
การปฏิบัติการแก้ปัญหาและพัฒนาให้เคารพความคิดและ เหตุผลของผู้อื่น
บทบาทของผู้สอนในการจัดการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism)
15. ในการเรียนตามทฤษฎี
Constructionism ผู้เรียนจะมีบทบาท
เป็นผู้ปฎิบัติและสร้างความรู้ไปพร้อมๆกันด้วยตัวของเขาเอง(ทาไปและเรียนรู้
ไปพร้อมๆกัน) บทบาทที่คาดหวังจากผู้เรียน คือ 1.
มีความยินดีร่วมกิจกรรมทุกครั้งด้วยความสมัครใจ
2. เรียนรู้ได้เอง
รู้จักแสวงหาความรู้จากแหล่งความรู้ต่างๆที่มีอยู่ด้วยตนเอง 3. ตัดสินปัญหาต่างๆอย่างมีเหตุผล 4. มีความรู้สึกและความคิดเป็นของตนเอง
5. วิเคราะห์พฤติกรรมของตนเองและผู้อื่นได้
6. ให้ความช่วยเหลือกันและกัน
รู้จักรับผิดชอบงานที่ตนเองทาอยู่และที่ได้รับ มอบหมาย 7. นาสิ่งที่เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงได้นั้น
บทบาทของผู้เรียน ที่จะช่วยส่งเสริมการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism)
16. 1. การใช้สื่อและเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการให้ผู้เรียนสร้างสาระ
การเรียนรู้และผลงานต่าง ๆ ด้วยตนเอง 2.
การสร้างสภาพแวดล้อมที่มีบรรยากาศที่หลากหลาย
เปิดโอกาส ให้ผู้เรียนได้เลือกตามความสนใจ 3.
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทาในสิ่งที่สนใจ
ซึ่งจะทาให้ผู้เรียนมี แรงจูงใจในการคิด การทา และการเรียนรู้ต่อไป
การประยุกต์ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism)
ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
17. 4. จัดสภาพแวดล้อมที่มีความแตกต่างกัน
เพื่อประโยชน์ในการเรียนรู้ เช่น วัย ความถนัดความสามารถ และประสบการณ์ 5. สร้างบรรยากาศที่มีความเป็นมิตร 6. ครูต้องทาหน้าที่อานวยความสะดวกในการเรียนรู้แก่ผู้เรียน
7. การประเมินผลการเรียนรู้ต้องประเมินทั้งผลงานและกระบวนการ
8. ใช้วิธีการที่หลากหลายในการประเมิน
เช่น การประเมินตนเอง การ ประเมินโดยครูและ เพื่อน การสังเกต
การประเมินโดยแฟ้มสะสมงาน การประยุกต์ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
(ต่อ)
18. สรุป
...การจะทาให้เกิดกระบวนเรียนรู้ตามทฤษฎี Constructionism
นั้นไม่ยากนัก
เพราะเมื่อมีการเริ่มต้นแล้วการเรียนรู้จะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
และมีพลังเพียงพอที่จะขับตัวเองให้ทางานสาเร็จตามเป้าหมาย(แต่ในระยะแรก
นั้นจะต้องอาศัยเวลาในการเริ่มต้นพอสมควร) ครูเองจะได้สัมผัสกับบรรยากาศ
การเรียนรู้ที่มีชีวิตชีวา ผู้เรียนมีความสุขและมุ่งมั่นที่จะทางานด้วยตนเองจน
สาเร็จและที่น่าประหลาดใจก็คือผลงานที่ออกมาจะมีความหลากหลาย ท่านจะ เห็นความคิดดีๆหรือสิ่งใหม่ๆที่เจริญงอกงามขึ้น
ดังนั้นการให้โอกาสในการ เริ่มต้นนั้นเป็นสิ่งที่สาคัญที่สุด
ครูผู้สอนเพียงแค่เปิดความคิดและเปิดใจเพื่อให้
โอกาสกับผู้เรียนได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวของเขาเอง คอยอานวยความ
สะดวกและควบคุมกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปตามกระบวนการดังที่กล่าว
มาแล้วข้างต้นเท่านั้น...
นางสาว ชุติมา สดเจริญ(2013) ได้กล่าวเกี่ยวกับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง
ไว้ว่า
ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง(Constructivism)
แนวคิดทฤษฎีที่ใช้
แนวคิด Constructivism เกี่ยวข้องกับธรรมชาติของความรู้ของมนุษย์
มีความหมายทั้งในเชิงจิตวิทยาและเชิงสังคมวิทยา ทฤษฎีด้านจิตวิทยา เริ่มต้นจาก Jean
Piaget ซึ่งเสนอว่า การเรียนรู้ของเด็กเป็นกระบวนการส่วนบุคคลมีความเป็นอัตนัย Vygotsky ได้ขยายขอบเขตการเรียนรู้ของแต่ละบุคคลว่า
เกิดจากการสื่อสารทางภาษากับบุคคลอื่น สำหรับด้านสังคมวิทยา Emile
Durkheim และคณะ
เชื่อว่าสภาพแวดล้อมทางสังคมมีผลต่อการเสริมสร้างความรู้ใหม่
ทฤษฎีการเรียนรู้ตามแนว Constructivism จัดเป็นทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มปัญญานิยม (cognitive
psychology) มีรากฐานมาจากผลงานของ Ausubel และ Piaget
ประเด็นสำคัญประการแรกของทฤษฎีการเรียนรู้ตาม Constructivism คือ
ผู้เรียนเป็นผู้สร้าง (Construct)ความรู้จากความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่พบเห็นกับความรู้ความเข้าใจที่มีอยู่เดิม
โดยใช้กระบวนการทางปัญญา(cognitive apparatus) ของตน
ประเด็นสำคัญประการที่สองของทฤษฎี
คือ การเรียนรู้ตามแนว Constructivism คือ โครงสร้างทางปัญญา เป็นผลของความพยายามทางความคิด
ผู้เรียนสร้างเสริมความรู้ผ่านกระบวนการทางจิตวิทยาด้วยตนเอง ผู้สอนไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางปัญญาของผู้เรียนได้
แต่ผู้สอนสามารถช่วยผู้เรียนปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางปัญญาได้โดยจัดสภาพการณ์ที่ทำให้เกิดภาวะไม่สมดุลขึ้น
ลักษณะการพัฒนารูปแบบการสอน
1. การสอนตามแนว Constructivism เน้นความสำคัญของกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน และความสำคัญของความรู้เดิม
2. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเป็นผู้แสดงความรู้ได้ด้วยตนเอง
และสามารถสร้างความรู้ด้วยตนเองได้ ผู้เรียนจะเป็นผู้ออกไปสังเกตสิ่งที่ตนอยากรู้
มาร่วมกันอภิปราย สรุปผลการค้นพบ แล้วนำไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจากเอกสารวิชาการ
หรือแหล่งความรู้ที่หาได้ เพื่อตรวจความรู้ที่ได้มา
และเพิ่มเติมเป็นองค์ความรู้ที่สมบูรณ์ต่อไป
3. การเรียนรู้ต้องให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติจริง
ค้นหาความรู้ด้วยตนเอง จนค้นพบความรู้และรู้จักสิ่งที่ค้นพบ
เรียนรู้วิเคราะห์ต่อจนรู้จริงว่า ลึก ๆ แล้วสิ่งนั้นคืออะไร มีความสำคัญมากน้อยเพียงไร
และศึกษาค้นคว้าให้ลึกซึ้งลงไป จนถึงรู้แจ้ง
บทบาทของผู้สอนในการจัดการเรียนรู้ผู้สอน
1. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสังเกต สำรวจเพื่อให้เห็นปัญญา
2. มีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน เช่นแนะนำ ถามให้คิด
หรือสร้างความรู้ได้ด้วยตนเอง
3. ช่วยให้ผู้เรียนคิดค้นต่อ ๆ ไป ให้ทำงานเป็นกลุ่ม
4. ประเมินความคิดรวบยอดของผู้เรียน
ตรวจสอบความคิดและทักษะการคิดต่าง ๆ การ
ปฏิบัติการแก้ปัญหาและพัฒนาให้เคารพความคิดและเหตุผลของผู้อื่น
บทบาทของผู้เรียน
ในการเรียนตามทฤษฎี Constructionism ผู้เรียนจะมีบทบาทเป็นผู้ปฎิบัติและสร้างความรู้ไปพร้อมๆกันด้วยตัวของเขาเอง(ทำไปและเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน)
บทบาทที่คาดหวังจากผู้เรียน คือ
1. มีความยินดีร่วมกิจกรรมทุกครั้งด้วยความสมัครใจ
2. เรียนรู้ได้เอง รู้จักแสวงหาความรู้จากแหล่งความรู้ต่างๆที่มีอยู่ด้วยตนเอง
3. ตัดสินปัญหาต่างๆอย่างมีเหตุผล
4. มีความรู้สึกและความคิดเป็นของตนเอง
5. วิเคราะห์พฤติกรรมของตนเองและผู้อื่นได้
6. ให้ความช่วยเหลือกันและกัน
รู้จักรับผิดชอบงานที่ตนเองทำอยู่และที่ได้รับมอบหมาย
7. นำสิ่งที่เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงได้นั้น
การประยุกต์ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. การใช้สื่อและเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการให้ผู้เรียนสร้างสาระการเรียนรู้และผลงาน
ต่าง ๆ ด้วยตนเอง
2. การสร้างสภาพแวดล้อมที่มีบรรยากาศที่หลากหลาย เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เลือกตาม
ความสนใจ
3. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทำในสิ่งที่สนใจ
ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจในการคิด การทำ
และการเรียนรู้ต่อไป
4. จัดสภาพแวดล้อมที่มีความแตกต่างกัน เพื่อประโยชน์ในการเรียนรู้ เช่น วัย
ความถนัด
ความสามารถ และประสบการณ์
5. สร้างบรรยากาศที่มีความเป็นมิตร
6. ครูต้องทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้แก่ผู้เรียน
7. การประเมินผลการเรียนรู้ต้องประเมินทั้งผลงานและกระบวนการ
8. ใช้วิธีการที่หลากหลายในการประเมิน เช่น การประเมินตนเอง
การประเมินโดยครูและ
เพื่อน การสังเกต การประเมินโดยแฟ้มสะสมงาน
ปรัชญาการศึกษา โดยนางสาวกนกพร รองนวล 52E186001 (2013) ได้กล่าวเกี่ยวกับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง ไว้ว่า
ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง(Constructivism)
แนวคิดทฤษฎีที่ใช้
แนวคิด Constructivism เกี่ยวข้องกับธรรมชาติของความรู้ของมนุษย์
มีความหมายทั้งในเชิงจิตวิทยาและเชิงสังคมวิทยา ทฤษฎีด้านจิตวิทยา เริ่มต้นจาก Jean
Piaget ซึ่งเสนอว่า
การเรียนรู้ของเด็กเป็นกระบวนการส่วนบุคคลมีความเป็นอัตนัย Vygotsky ได้ขยายขอบเขตการเรียนรู้ของแต่ละบุคคลว่า
เกิดจากการสื่อสารทางภาษากับบุคคลอื่น สำหรับด้านสังคมวิทยาEmile
Durkheim และคณะ
เชื่อว่าสภาพแวดล้อมทางสังคมมีผลต่อการเสริมสร้างความรู้ใหม่
ทฤษฎีการเรียนรู้ตามแนว Constructivism จัดเป็นทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มปัญญานิยม (cognitive
psychology) มีรากฐานมาจากผลงานของ Ausubel และ Piaget
ประเด็นสำคัญประการแรกของทฤษฎีการเรียนรู้ตาม Constructivism คือ
ผู้เรียนเป็นผู้สร้าง (Construct) ความรู้จากความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่พบเห็นกับความรู้ความเข้าใจที่มีอยู่เดิม
โดยใช้กระบวนการทาง ปัญญา(cognitive apparatus) ของตน
ประเด็นสำคัญประการที่สองของทฤษฎี
คือ การเรียนรู้ตามแนว Constructivism คือ โครงสร้างทางปัญญา เป็นผลของความพยายามทางความคิด
ผู้เรียนสร้างเสริมความรู้ผ่านกระบวนการทางจิตวิทยาด้วยตนเอง
ผู้สอนไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางปัญญาของผู้เรียนได้
แต่ผู้สอนสามารถช่วยผู้เรียนปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางปัญญาได้โดยจัดสภาพการณ์ที่ทำให้เกิดภาวะไม่สมดุลขึ้น
ลักษณะการพัฒนารูปแบบการสอน
1. การสอนตามแนว Constructivism เน้นความสำคัญของกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน และความสำคัญของความรู้เดิม
2. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเป็นผู้แสดงความรู้ได้ด้วยตนเอง
และสามารถสร้างความรู้ด้วยตนเองได้ ผู้เรียนจะเป็นผู้ออกไปสังเกตสิ่งที่ตนอยากรู้
มาร่วมกันอภิปราย สรุปผลการค้นพบ แล้วนำไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจากเอกสารวิชาการ
หรือแหล่งความรู้ที่หาได้ เพื่อตรวจความรู้ที่ได้มา
และเพิ่มเติมเป็นองค์ความรู้ที่สมบูรณ์ต่อไป
3. การเรียนรู้ต้องให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติจริง
ค้นหาความรู้ด้วยตนเอง จนค้นพบความรู้และรู้จักสิ่งที่ค้นพบ
เรียนรู้วิเคราะห์ต่อจนรู้จริงว่า ลึก ๆ แล้วสิ่งนั้นคืออะไร
มีความสำคัญมากน้อยเพียงไร และศึกษาค้นคว้าให้ลึกซึ้งลงไป จนถึงรู้แจ้ง
บทบาทของผู้สอนในการจัดการเรียนรู้ผู้สอน
1. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสังเกต สำรวจเพื่อให้เห็นปัญญา
2. มีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน เช่นแนะนำ ถามให้คิด
หรือสร้างความรู้ได้ด้วยตนเอง
3. ช่วยให้ผู้เรียนคิดค้นต่อ ๆ ไป ให้ทำงานเป็นกลุ่ม
4. ประเมินความคิดรวบยอดของผู้เรียน
ตรวจสอบความคิดและทักษะการคิดต่าง ๆ การ
ปฏิบัติการแก้ปัญหาและพัฒนาให้เคารพความคิดและเหตุผลของผู้อื่น
บทบาทของผู้เรียน
ในการเรียนตามทฤษฎี Constructionism ผู้เรียนจะมีบทบาทเป็นผู้ปฎิบัติและสร้างความรู้ไปพร้อมๆกันด้วยตัวของเขาเอง(ทำไปและเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน)
บทบาทที่คาดหวังจากผู้เรียน คือ
1. มีความยินดีร่วมกิจกรรมทุกครั้งด้วยความสมัครใจ
2. เรียนรู้ได้เอง
รู้จักแสวงหาความรู้จากแหล่งความรู้ต่างๆที่มีอยู่ด้วยตนเอง
3. ตัดสินปัญหาต่างๆอย่างมีเหตุผล
4. มีความรู้สึกและความคิดเป็นของตนเอง
5. วิเคราะห์พฤติกรรมของตนเองและผู้อื่นได้
6. ให้ความช่วยเหลือกันและกัน
รู้จักรับผิดชอบงานที่ตนเองทำอยู่และที่ได้รับมอบหมาย
7. นำสิ่งที่เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงได้นั้น
การประยุกต์ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. การใช้สื่อและเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการให้ผู้เรียนสร้างสาระการเรียนรู้และผลงาน
ต่าง ๆ ด้วยตนเอง
2. การสร้างสภาพแวดล้อมที่มีบรรยากาศที่หลากหลาย
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เลือกตาม
ความสนใจ
3. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทำในสิ่งที่สนใจ
ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจในการคิด การทำ
และการเรียนรู้ต่อไป
4. จัดสภาพแวดล้อมที่มีความแตกต่างกัน เพื่อประโยชน์ในการเรียนรู้ เช่น วัย
ความถนัด
ความสามารถ และประสบการณ์
5. สร้างบรรยากาศที่มีความเป็นมิตร
6. ครูต้องทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้แก่ผู้เรียน
7. การประเมินผลการเรียนรู้ต้องประเมินทั้งผลงานและกระบวนการ
8. ใช้วิธีการที่หลากหลายในการประเมิน เช่น การประเมินตนเอง
การประเมินโดยครูและ เพื่อน การสังเกต
การประเมินโดยแฟ้มสะสมงาน
สรุป
สาระสาคัญทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) ความรู้ไม่ใช่มาจากการสอนของครูหรือผู้สอนเพียงอย่างเดียว แต่ ความรู้จะเกิดขึ้นและสร้างขึ้นโดยผู้เรียนเอง การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดีก็ต่อเมื่อ ผู้เรียนได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง (Learning by doing)
ประเด็นสำคัญประการที่สองของทฤษฎี คือ การเรียนรู้ตามแนว Constructivism คือ โครงสร้างทางปัญญา เป็นผลของความพยายามทางความคิด ผู้เรียนสร้างเสริมความรู้ผ่านกระบวนการทางจิตวิทยาด้วยตนเอง ผู้สอนไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางปัญญาของผู้เรียนได้ แต่ผู้สอนสามารถช่วยผู้เรียนปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางปัญญาได้โดยจัดสภาพการณ์ที่ทำให้เกิดภาวะไม่สมดุลขึ้น
สรุป
สาระสาคัญทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) ความรู้ไม่ใช่มาจากการสอนของครูหรือผู้สอนเพียงอย่างเดียว แต่ ความรู้จะเกิดขึ้นและสร้างขึ้นโดยผู้เรียนเอง การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดีก็ต่อเมื่อ ผู้เรียนได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง (Learning by doing)
ประเด็นสำคัญประการที่สองของทฤษฎี คือ การเรียนรู้ตามแนว Constructivism คือ โครงสร้างทางปัญญา เป็นผลของความพยายามทางความคิด ผู้เรียนสร้างเสริมความรู้ผ่านกระบวนการทางจิตวิทยาด้วยตนเอง ผู้สอนไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางปัญญาของผู้เรียนได้ แต่ผู้สอนสามารถช่วยผู้เรียนปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางปัญญาได้โดยจัดสภาพการณ์ที่ทำให้เกิดภาวะไม่สมดุลขึ้น
ลักษณะการพัฒนารูปแบบการสอน
1. การสอนตามแนว Constructivism เน้นความสำคัญของกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน และความสำคัญของความรู้เดิม
2. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเป็นผู้แสดงความรู้ได้ด้วยตนเอง และสามารถสร้างความรู้ด้วยตนเองได้ ผู้เรียนจะเป็นผู้ออกไปสังเกตสิ่งที่ตนอยากรู้ มาร่วมกันอภิปราย สรุปผลการค้นพบ แล้วนำไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจากเอกสารวิชาการ หรือแหล่งความรู้ที่หาได้ เพื่อตรวจความรู้ที่ได้มา และเพิ่มเติมเป็นองค์ความรู้ที่สมบูรณ์ต่อไป
3. การเรียนรู้ต้องให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติจริง ค้นหาความรู้ด้วยตนเอง จนค้นพบความรู้และรู้จักสิ่งที่ค้นพบ เรียนรู้วิเคราะห์ต่อจนรู้จริงว่า ลึก ๆ แล้วสิ่งนั้นคืออะไร มีความสำคัญมากน้อยเพียงไร และศึกษาค้นคว้าให้ลึกซึ้งลงไป จนถึงรู้แจ้ง
ที่มา
Mamoss CM.(2015).https://www.slideshare.net/ssuser605b96/constructivism-43272082.[ออนไลน์] 15 กรกฎาคม 2561.
นางสาว ชุติมา สดเจริญ.(2013).https://www.gotoknow.org/posts/547007.[ออนไลน์] 15 กรกฎาคม 2561.
ปรัชญาการศึกษา โดยนางสาวกนกพร รองนวล 52E186001.(2013).http://52e186001ee.blogspot.com/p/constructivism.html.[ออนไลน์]
15 กรกฎาคม 2561.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น